



ความน่าสนใจของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถที่มีลักษณะพิเศษซึ่งหาชมได้ยากมากแล้วในประเทศไทย โดยเป็นโบสถ์ที่มีฐานโค้งเป็นรูปเรือ สำเภาก่ออิฐ มีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียวไม่มีหน้าต่างที่ ชาวบ้านเรียกกันว่า “โบสถ์มหาอุด” หลังคามุงกระเบื้องดินเผาแบบเก่า ขื่อด้านบนใช้ไม้ซุงทั้งต้น มีเสมาหินทรายคู่ขนาดเล็กเรียงรายอยู่โดยรอบ ซึ่งปัจจุบันพระอุโบสถมหาอุดนั้นหลงเหลืออยู่น้อยมาก ในประเทศไทยนับเป็นศาสนสถานโบราณที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ที่มาของ…วัดนางสาว เรื่องราวของวัดนี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในช่วงสงครามพม่าที่ผู้กันต้องอพยพซ่อนตัวชั่วคราว โดยให้คนชราและผู้หญิงซ่อนตัวอยู่ในโบสถ์หลังเก่าภายหลังได้รับชัยชนะได้มีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนบริเวณนี้และมีสองพี่น้องที่เคยหลบภัยในโบสถ์เก่ามีความคิดที่จะบูรณะโบสถ์ขึ้น โดยเฉพาะหญิงสาวคนน้องที่เคย อธิษฐานว่าหากรอดตายจะกลับมาบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ ก็ได้ทำตามที่ตนลั่นวาจาเอาไว้ หลังจากบูรณะ จนแล้วเสร็จได้ตั้งชื่อว่า “วัดพรหมจารีย์ ” ต่อมาชาวบ้านเรียกว่า “วัดน้องสาว” และเพี้ยนมาเป็น “วัดนางสาว” ในปัจจุบัน