ไทยยูเนียน สมุทรสาคร แถลงยืนยัน ไม่ยุบทีม จะสู้จนแข่งให้จบแม้เผชิญปัญหาร้อยแปดทั้งสปอนเซอร์หนี-สนามซ้อมไม่รับบอกกลัวโควิด พร้อมยอมรับขอลดราคาเช่ารถบัสเดินทาง ผ่อนจ่ายเงินนักเตะ และวอนผู้ใหญ่เห็นใจ
จากข่าวลือในโลกออนไลน์ของทีม “สำเภาผยอง” ไทยยูเนียน สมุทรสาคร เอฟซี ทีมอันดับสุดท้ายของศึกไทยลีก2ซีซั่น2020-21 ที่มีกระแสออกมาว่า ทีมอาจยุบกลางคัน เนื่องจากรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว จากวิกฤต โควิด-19
ล่าสุดทีมงานฟุตบอลสยามรายวัน ได้รับข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงของทีม “สำเภาผยอง”ไทยยูเนียน สมุทรสาคร เอฟซี ที่ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ทีมจะสู้จนถึงที่สุด และจะแข่งให้จบฤดูกาลให้ได้ แม้จะต้องเผชิญปัญหาต่างๆมากมาย
บอร์ดบริหารสำเภาผยองเผยว่า ทีมจะไม่ยุบแน่นอน และไม่ได้ตั้งใจจะยุบแต่ทีแรก โดยได้มีการชี้แจงกับนักเตะไปแล้ว เรื่องปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้เกิดปัญหาหลายๆด้าน โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณ ซึ่งทำให้ต้องมีการจ่ายเงินนักเตะล่าช้าอีก 5-10 วันต่อจากนี้ สโมสรไม่ได้จ่ายเงินเป็นรายเดือน โดยใช้วิธีการทะยอยจ่ายจนกว่าจะจบการแข่งขัน
“เรื่องของสนามแข่งที่ไม่สามารถเข้าไปที่ จ.สมุทรสาคร ต้องไปแข่งขันที่บางไทร จ.อยุธยา โดยไปซ้อมกันที่สนามหนองจอก ซึ่งตอนนี้กำลังไปหาสนามซ้อมใหม่ให้อยู่ใกล้ๆกับสนามแข่ง แต่สนามซ้อมเขาไม่ค่อยต้อนรับ เพราะชื่อของสมุทรสาครก็แทบไม่มีใครต้อนรับจากเรื่องโควิด-19 สนามก็คงจะกลัวเสียเครดิตเขา”
“เรื่องสปอนเซอร์สนับสนุนทีมรายใหญ่ๆไม่มีแล้ว ที่เหลืออยู่คือ 4-5 ราย แต่ละรายจ่ายแค่ 50 เปอร์เซนต์ บางรายขอทะยอยจ่ายถี่ 5 งวดจาก 50 เปอร์เซนต์ อีกทั้งสโมสรก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดเท่าไหร่ ซึ่งจุดนี้ทางสโมสรเข้าใจดีเพราะคงจะต้องให้ความสำคัญเรื่องโควิด-19ก่อน”
“เรื่องค่าใช้จ่ายค่าเช่ารถ ก็ต้องขอเขาลดราคาในบางรายการที่น่าจะลดราคาได้ เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ซึ่งกำลังจะหาสนามซ้อมใหม่ให้อยู่ใกล้กับสนามแข่งขัน เพื่อความสะดวกของนักเตะ”
“เรื่องเงินลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจาก ส.บอลฯ ทางสโมสรเรียกร้องอะไรมากไม่ได้ แต่ก็อยากให้เห็นใจสโมสรเล็กๆบ้าง ตอนที่คุยกัน ทางสโมสรไม่รู้ว่าจะมีโควิด-19เข้ามา และไม่รู้ว่าจะต้องเตะยาว 15 เดือน อยากให้ผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือบ้าง เห็นใจบ้าง ถ้ารู้ว่าต้องแข่งขันยาวแบบนี้ก็คงไม่ส่งทีมแข่ง แต่เมื่อแข่งแล้ว ก็ต้องเอาให้จบให้ได้”
“สโมสรไทยยูเนียน สมุทรสาคร ยืนยันว่า จะสู้จนแข่งให้จบ ส่วนปีหน้าก็คงต้องแล้วแต่ผลงานปีนี้ว่าจะจบอย่างไร”