‘สมุทรสาคร’ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 89 เสียชีวิต 2 ราย สั่งเร่งทบทวนแผนรับเด็กเปิดเทอม 1 พ.ย.นี้
วันที่ 15 ตุลาคม 2564 สนง.สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ล่าสุดตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดรายจำนวน 89 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,324 ราย และรักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 36 ราย อยู่ระหว่างดูสังเกตอาการ 1,607 ราย
“ส่วนการต้องการฉีดวัคซีนของชาวสมุทรสาคร ปรากฏว่า ล่าสุดมีผู้เข้ารับการฉีดจำนวน 6,147 โดส จำแนกเป็นประเภทฉีดวัคซีนเข็มแรก 1,508 โดส, เข็มที่สองจำนวน 4,483 โดส และเข็มที่สาม 156 โดส ขณะที่ยอดรวมผู้เข้ารับบริการวัคซีนภาพรวมทั้งสิ้น 1,162,637 โดส”
ด้านนางสาวจุฑารัตน์ ศรีนวลปาน รองศึกษาธิการฯ ในฐานะรักษาการศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ออกชี้แจงว่า เกี่ยวกับด้านการเปิดภาคเรียนที่ 2 นี้ ตามที่จะจังหวัดและรัฐบาลมีนโยบายจะเปิด ปท.ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการได้มีข้อกำหนดลงมา ก็คือ ให้เช็กดูในภาพรวมของการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก (อายุ 12 ปี) ขึ้นไปนั้น จะต้องไม่ต่ำกว่า 85% อย่างไรก็ตามปัจจุบันทางเมืองสมุทรสาคร ตอนนี้นักเรียนที่ประสงค์ฉีดนั้นมีอยู่ราวกว่า 76 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปรากฏว่า ล่าสุดถือว่ายังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนเด็กนักเรียนฐานะกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีนนั้นพบมีหลายเหตุผล ส่วนกลุ่มที่เปลี่ยนใจต้องการมาฉีดภายหลังจากการสำรวจก็มีไม่มากนัก จึงยังไม่ทำให้ (จำนวนเปอร์เซ็นต์) ในภาพรวมขยับขึ้น และอาจจะมีผลต่อการจัดรูปแบบการสอนได้บ้าง ขณะที่ในส่วนครูและบุคลากรนั้น ภาพรวมการฉีดมากกว่า 96% แล้วโดยอีก 4% ที่เหลือหรือประมาณ 300 คน คือ กลุ่มมีโรคประจำตัว และกลุ่มที่ติดเชื้อ รวมทั้งยังมีการทิ้งระยะไม่ครบที่จะรับวัคซีนได้ นอกนั้นเป็นผู้ไม่พึงประสงค์ฉีด
“ขณะที่กลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่อยู่ในเกณฑ์รับวัคซีนได้ ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องนำมาพิจารณาถึงรูปแบบการเปิดเรียนด้วย ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนนั้นมีจำนวนเด็กฉีดวัคซีนเกิน 85% หรือไม่, ทางโรงเรียนจึงต้องรีบจัดทำแผนเพื่อยื่นให้ทางคณะกรรมการระดับจังหวัด ไปพิจารณาว่ามีแผนในการเปิดเรียนอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยสำหรับทุกคนมากที่สุด ซึ่งยอมรับว่าค่อนข้างยากประเภท ร.ร.ขนาดใหญ่ เพราะมีเด็กนักเรียนมาก อย่างไรก็ตามอาจจะเปิดให้ไปเรียนที่โรงเรียนพร้อมกันได้หรือไม่ อาจต้องใช้วิธีผสมกันระหว่าง onsite กับ online หรือ on-air เพราะการฉีดวัคซีนแล้วนั้นก็ยังสามารถเกิดการติดเชื้อได้อยู่ และทางโรงเรียนจะต้องมีแผนรับมือหากพบเด็กมีอาการป่วยหรือติดเชื้อ ที่อาจต้องจัดห้องหรือพื้นที่แยกเด็กออกทันทีเพื่อรอส่งต่อให้กับสาธารณสุขรับตัวไปดูแล ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ ทุกคนในครอบครัวของเด็กแต่ละคนที่จะต้องรับวัคซีนแล้ว ซึ่งก่อนจะถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน ทางคณะกรรมการในระดับจังหวัดต้องลงพื้นที่แต่ละโรงเรียนเพื่อดูมาตรการต่างๆ หากโรงเรียนไหนผ่านจึงจะเปิดเรียนแบบ onsite
นางสาวจุฑารัตน์ ศรีนวลปาน รักษาการศึกษาธิการจังหวัดฯระบุด้วยว่า ขณะที่กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่มีสิทธิรับวัคซีนในระยะนี้ มีโอกาสเปิดเรียนแบบ onsite ยังถือว่ายากมาก หรืออาจเป็นไปไม่ได้ในช่วงเทอมนี้ แต่อย่างไรก็ต้องรอมติจากที่ประชุมกระทรวงศึกษาธิการอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ถึงความชัดเจนในรูปแบบการจัดการเรียนการสอน แต่เบื้องต้นนั้นจะให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้ประเมิน เพราะสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน และโรงเรียนแต่ละแห่งก็ต่างกันด้วย โรงเรียนขนาดเล็กที่เด็กน้อย สามารถควบคุมโรคได้ง่ายกว่า มีโอกาสไปเรียนได้ เช่นเดียวกัน โรงเรียนขนาดใหญ่ในกลุ่มเด็กเล็กนั้นมองว่ายังเปิดให้เด็กไปเรียนที่โรงเรียนยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ส่วนข้อกำหนดข้อหนึ่งขณะนี้ของกระทรวงศึกษาฯคือการตรวจ ATK ให้กับเด็กสัปดาห์ละ 2 ครั้ง