วันนี้ ( 28 ก.พ. 64 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการวัคซีนโควิด เข็มแรกของ จ.สมุทรสาคร โดย รพ.สมุทรสาครได้เชิญกลุ่มเป้าหมายลำดับแรก อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ อสม. แรงงานในพื้นที่เสี่ยง ผู้ประกอบการ แม่ค้าในตลาด กลุ่มเสี่ยง ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้ารับการฉีดวัคซีน จำนวน 159 คน โดยมีนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกของจังหวัด
นายอนุทิน กล่าวว่า จ.สมุทรสาครถือเป็น 1 ในจังหวัดเป้าหมายหลักของประเทศที่ประชาชนต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พบผู้ติดเชื้อจํานวนมากและยังคงพบอย่างต่อเนื่องทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว แม้ว่าจะสามารถเฝ้าระวังเชิงรุก และควบคุมโรคได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงแต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยการให้วัคซีนป้องกันโรค จะทำให้ประชาชนลดความเสี่ยงการติดเชื้อ การเจ็บป่วยรุนแรง และการเสียชีวิตได้ โดย จ.สมุทรสาครได้รับการจัดสรรวัคซีนล็อตแรก 70,000 โดส และจะได้รับจัดสรรเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในชุมชน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่าวัคซีนทุกโดสมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานและกระบวนการผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และทุกคนจะได้รับวัคซีนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่าหลงเชื่อคนที่บอกว่าเสียเงินแล้วถึงจะได้ฉีด หากพบขอให้แจ้งตำรวจหรือโรงพยาบาลทันที เนื่องจากรัฐบาลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเมื่อทยอยฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นจะป้องกันการระบาดในประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมกลับมาปกติได้โดยเร็ว
ด้าน นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่าจะฉีดให้แก่ประชาชนและกลุ่มเป้าหมาย 35,000 คน คนละ 2 โดส ห่างกัน 3 สัปดาห์ เบื้องต้นจะให้บริการในโรงพยาบาล 3 แห่ง คือ รพ.สมุทรสาคร รพ.กระทุ่มแบน และ รพ.บ้านแพ้ว วันแรกประมาณ 500 คน จากนั้นจะขยับเป็นวันละ 1,000 คน และ 2,000 คน ตั้งเป้าฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน หลังจากนั้นจะได้รับการจัดสรรวัคซีนล็อตถัดไป 6 หมื่นโดสในเดือน มี.ค. และ 1 แสนโดสในเดือนเม.ย. โดยจะกระจายในประชาชนในพื้นที่เสี่ยง มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนเพิ่ม 7 แห่ง รวมเป็น 10 แห่ง โดยจะมีเจ้าหน้าที่จะประสานไปยังประชาชนในการให้ข้อมูล ลงทะเบียน นัดหมายล่วงหน้าเพื่อมารับวัคซีน เนื่องจากการฉีดวัคซีนต้องใช้เวลาในการสังเกตอาการ 30 นาที ต้องใช้ระบบนัดเพื่อความสะดวก ไม่รอนาน และไม่เกิดความสับสน