ศบค. เผยติดโควิด-19รายใหม่ 201 ราย “ตาก”พบเพิ่ม 37 ราย“สมุทรสาคร”เตรียมลุยตรวจภูมิคุ้มกันคนในพื้นที่ 15-19 ก.พ. วันละ 8,000 ราย ก่อนผ่อนคลายมาตรการ ส่วน“กรุงเทพฯ”เฝ้าระวังเข้มข้นขึ้นในเขต “ปทุมวัน” หลังเจอคลัสเตอร์จุฬาฯ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 ก.พ. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ 201 ราย พบจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 96 ราย ในจ.สมุทรสาคร 56 ราย กรุงเทพ 16 ราย ตาก 23 ราย นนทบุรี 1 ราย ค้นหาเชิงรุก 89 ราย จ.สมุทรสาคร 73 ราย กรุงเทพฯ 1 ราย ตาก 14 ราย ระยอง 1 ราย และเดินทางจากต่างประเทศ 16 ราย ติดเชื้อสะสม 24,104 ราย เสียชีวิตสะสม 80 คน เฉพาะระลอกใหม่ ติดเชื้อสะสม 19,867 ราย เสียสะสม 20 ราย
59จ.ไม่พบคนติดเกิน14วัน
ช่วง 28 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-11ก.พ.2564 กลุ่มจังหวัดสีส้มที่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 3-6 ที่ผ่านมา 5 จังหวัด จังหวัดสีแดงที่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา 7 จังหวัด เท่ากับมีจังหวัดที่ยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่องคือ 12 จังหวัด โดยรวมทั้งประเทศค่อนข้างทำได้ดี โดยจังหวัดที่ไม่เคยมีผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่ 14 จังหวัด กลุ่มจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 28 วัน 29 จังหวัด กลุ่มจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 15-28 วันที่ผ่านมา 16 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในช่วง 7-14 วัน 6 จังหวัด
เฝ้าระวังเข้มเขตปทุมวัน
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า พื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีการรายงานการติดเชื้อในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว 14 ราย ไม่เฉพาะแต่บุคลากรของจุฬาฯเท่านั้น ซึ่งมีการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงส่วนหนึ่งพบว่า เป็นการติดเชื้อในสถานที่ทำงาน ที่มักไว้ใจกันว่าเจอกันช่วงทำงานทุกวันจึงไม่ได้ระวังหรือคงมาตรการป้องกันการติดเชื้อ รวมถึง การสแกนหน้าของบุคลากรก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งในส่วนของโรงงานที่มีการตรวจเจอสแกนนิ้วมือก็เป็นจุดเสี่ยง อีกทั้ง ลักษณะการอยู่อาศัยในหอพัก คอนโดมิเนียม เป็นต้น ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ระบุว่า ในพื้นที่ของเขตปทุมวัน นอกจากเป็นที่ตั้งของสถานที่ของจุฬาฯที่มีการพบผู้ติดเชื้อกว่า 10 คนแล้ว ยังเป็นพื้นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ ตลาด และหอพักด้วยจึงต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพราะฉะนั้นการจะเดินทางไปไหน ต้องระมัดระวัง หากมีกาประกาที่ไหนเป็นพื้นที่เสี่ยงหรือเฝ้าระวังก็ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ และถ้าดาวน์โหลดหมอชนะ จะเป็นหนึ่งเครื่องมือที่เฝ้าระวังได้ทันท่วงที ถ้ามีผู้ติดเชื้อไปสถานที่เหล่านั้นก็จะมีการแจ้งเตือนทันที
ลุยตรวจภูมิคุ้มกันในสมุทรสาคร
สำหรับจ.สมุทรสาคร หลังจากมีการประกาศมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมโรคมา 2-3 เดือน จึงมีการหารือถือการผ่นคลายมาตรการ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา จังหวัดมีแผนการคัดกรองเชิงรุกในสถานที่ต่างๆ1,880 แห่ง เป็นโรงงานขนาดใหญ่พนักงาน 500 คน 97 แห่ง ขนาดกลาง 200-500 คน 223 แห่ง ขนาดเล็ก 50-200 คน 953 แห่ง และตลาดสด 15 แห่ง ชุมชน 592 แห่ง โดยรวมคัดกรอง แล้ว1,048 แห่ง จึงนำสู่การคัดแยกพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อ 0 % น้อยกว่า 10 % และมากกว่า 10 % จากนั้นระดมตรวจในโรงงานที่มีการติดเชื้อมากกว่า 10 % จึงกหนดให้ 9 โรงงาน อยู่ในมาตรการบับเบิ้ลแอนด์ซีล จำนวน 42,424 ราย คาดหวังว่าด้วยกลไกของโรค เมื่อแรงงาน ติดเชื้อไม่มีอาการทำงานต่อ นานไปเรื่อยๆควรมีภาวะภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
“มาตรการจังหวัดจากนี้ตั้งแต่ 15 ก.พ.ไปอีก 5 วัน จะมีการตรวจภูมิคุ้มกันที่เกิดจากธรรมชาติเมื่อมีการติดเชื้อ ซึ่งร่างกายจะสร้างขึ้นมา โดยจะเร่งตรวจวันละ 8,000 ราย เป็นต้นไป ซึ่งศบค.มีการคุยเยื้องต้น ถ้าพบว่าแรงงานผู้ติดเชื้อหรือเสี่ยงสูง เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว ก็มีมาตรการทบทวนว่าควรให้แรงงานกลับบ้านและใช้ชีวิตได้ปกติ เพื่อให้สมุทรสาครผ่อนคลายทำมาหากินและใช้ชีวิตได้ปกติ นี่คือแผนมาตรการที่จะเกิดในสัปดาห์หน้าของสมุทรสาคร แต่หลังจากทำมาตรการออกไปเป็นไปตามการคาดการณ์หรือไม่ จะผ่อนคลายมาตรการหรือไม่ต้องติดตามสัปดาห์หน้า”พญ.อภิสมัยกล่าว
โรคติดต่อคนติดเชื้อไม่เป็น 0ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า กรมควบคุมโรคอธิบายว่าโรคติดต่ออยู่กับสังคม มนุษยชาติมานาน เช่น มีวัณโรค เอชไอวี/เอดส์และโรคระบาดมากมาย ซึ่งโควิด-19เป็นโรคใหม่ที่รู้จักมันยังไม่ดีพอ แต่ระยะยาวต้องเรียนรู้อยู่ร่วมกับโรคนี้ให้ได้ โดยโรคติดต่อเหมือนภูเขาน้ำแข็ง จะมียอดโผล่ออกมาช่วงเล็กๆ สิ่งที่ต้องทำคือ รอให้คนติดเชื้อจำนวนมากๆ ไม่ได้ แต่เมื่อมีคนติดต้องค้นหา ให้รู้พื้นที่ ลักษณะการติดเชื้ออย่างไร เพื่อกำหนดวางแผนให้การติดเชื้อควบคุมได้ ดังนั้นเป้าหมาย ทำให้ผู้ติดเชื้อเป็น 0 รายไม่ได้ แต่ต้องการค้นหาเจอผู้ติดเชื้อและดูแล รายงานและลงพื้นที่ควบคุมให้การติดเชื้ออยู่ในศักยภาพที่ระบบสามารถดูแลได้ และมาตรการดูแลตัวเองยังจำเป็นต้องยกการ์ดสูงเสมอ