รังสิมา ทำโพลถามชาวสมุทรสาคร ก่อนย้ายสังกัดพรรค ยอมรับหลายค่ายทาบทางจริง สอบตกกลับไปขายหอย “เพื่อไทยต้อนรับทนายบิลลี่” เข้าพรรค ฝ่ายค้าน เตรียมร้องป.ป.ช.-DSI-ป.ป.ท. หลังอภิปรายม.152 ด้าน”ไตรรงค์” อภัยทานกับลมปากนักการเมือง นั่งที่ปรึกษานายกฯ ไร้เงินเดือน ย้ำไม่ยึดติดกับตำแหน่ง
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมย้ายพรรค โดยยอมรับมีมาชวนทุกพรรค ยืนยันว่า ตนไม่ได้เล่นตัว แต่ต้องถามประชาชน เพราะการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนเดิม เหมือนที่เราเป็นพยาบาลมา 20 กว่าปี มีคนไข้ทุกวัน แต่คนไข้ก็ทยอยเสียชีวิตกันไปทุกวัน ตายไปทุกวัน ตีสักวันนึง 10 คน คนหายไปเยอะนะคะ แล้วคนรุ่นใหม่มา ก็มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ เขาก็ดูแต่โซเชียล เขาไม่ได้ดูความเป็นจริงว่าเราทำงานเป็นอย่างไร ผลงานเรามีอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราก็หวั่นไหว
น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนตกงานเยอะ เชื่อว่าการซื้อเสียงคราวหน้าจะรุนแรงมาก เราก็เห็นการซื้อตัวส.ส.เยอะเพื่อให้ได้มาซึ่งมือที่จะมายกให้เป็นรัฐบาล การเมืองมันเปลี่ยนไปทุกวัน พอเราไปถามประชาชนว่าคราวหน้าจะเลือกรังสิมาไหม ทุกคนก็ตอบว่าจะเลือก เพราะเขากลัวโดนยิงตาย เราไม่ได้ไปยิงเขาหรอก แต่เขากลัวถ้าเราไปถามเองเราก็ได้คำตอบที่ไม่ตรง เราเลยต้องไปจ้างทำโพล ลงสมัครมา 6 ครั้ง เป็นครั้งแรกที่หวั่นไหวที่สุดเลยกลัวสอบตก แต่ตกก็ไม่เป็นไรก็ยอมรับสภาพนะ ถ้าประชาชนไม่เลือกก็เลิก
มีคนถามเล่นๆ นะ นี่พูดเล่นนะ ประชาชนถามว่า รังสิมาถ้าคุณสอบตกจะไปทำอะไร ฉันก็ขายหอยฉันสิคะ หอยฉันขายได้นี่ ก็มีอาชีพเตรียมไว้แล้ว
น.ส.รังสิมา กล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดของโพลคือถามว่า ถ้ายังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ประชาชนจะยังเลือกหรือไม่ ถ้าไม่เลือกจะให้ไปอยู่พรรคไหน ไม่เลือกเพราอะไร แล้วถ้าไปอยู่พรรคใหม่จะเลือกเพราอะไร ต้องทำโพลอย่างละเอียดทุกพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ตรงจุด เมื่อก่อนเราใช้ไสยศาสตร์ ปัจจุบันเราต้องใช้วิทยาศาสตร์เพื่อความมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีพรรคอื่นในใจหรือไม่ น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ก็ดีทุกพรรค ยกเว้นเงื่อนไขคือพรรคที่ไม่เอาสถาบันฯ เราไม่เอาเพราะสมุทรสงครามเป็นเมืองราชนิกุล ของรัชกาลที่ 2 เมื่อถามว่า ถ้าผลโพลบอกให้อยู่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ถ้าโพลออกมาว่าให้อยู่ก็ต้องอยู่ เพราะถ้าไปพรรคอื่นแล้วสอบตกก็ไม่ได้ ดังนั้นก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะอยู่หรือไป ถ้าโพลออกมาว่าเราไปพรรคไหนก็ไป แต่ยกเว้นว่าถ้าโพลบอกให้เราไปพรรคที่ไม่เอาสถาบันฯ แล้วจะชนะเราก็เลิกหยุดไม่เอายอม
ส่วนผลโพลจะออกมาเมื่อใดนั้น น.ส.รังสิมา กล่าวว่า คาดว่าน่าจะภายในปีนี้ แต่ไม่อยากจะเร่งรัดเพราะกลัวข้อมูลจะคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ โดยตนได้ทำความเข้าใจกับหัวหน้าพรรคไว้แล้วว่า หากคราวนี้ผลโพลออกมาว่าถ้าอยู่พรรคเดิมแล้วเสี่ยงจะแพ้ ก็ต้องขออนุญาตย้ายก่อน แล้วคราวหน้าก็ค่อยไปๆ มาๆ ได้ไม่เป็นไร เพราะถ้าประชาชนไม่เลือกเรา เราก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งหัวหน้าพรรคก็เข้าใจ และบอกให้ทนๆ ไปก่อน ตนก็เสียดายเหมือนกันถ้าต้องจากพรรคประชาธิปัตย์ไป แต่การเมืองก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ต้องเอาตัวรอด คราวที่แล้วก็เกือบไม่รอด เคยชนะสี่หมื่น เหลือชนะสี่พัน
เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักสำหรับเรา เพราะลงสมัครมา 6 ครั้ง ไม่เคยซื้อเสียงเลย ซองก็ไม่เคยใส่ หรีดก็ไม่วาง แต่เราอยากให้ประชาชนรู้ว่าเลือก ส.ส.มาทำอะไร ถ้าเลือกคนซื้อเสียงก็จะเข้ามาโกงแน่นอน ให้เลือกคนมาทำงาน แต่ถ้าเขาให้เงินให้รับไว้ เพราะเงินไม่ใช่งู ไม่กัด แต่เวลาเลือกอย่าไปเลือก ให้คนซื้อเสียงมันหมดตูดล้มละลาย จะได้เลิกไปสักที น.ส.รังสิมา กล่าว
น.ส.รังสิมา ยังเปิดเผยว่า ตนยังไม่ได้พบ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยตั้งใจจะนัดพบกันวันนี้เพื่อพูดคุยถามเหตุผล เพราะตนเชื่อว่าคนที่ย้ายไปมีเหตุผลทุกคน เราไม่ว่ากัน ใครย้ายไปแล้วรอดเราก็ขอให้กลับมาเจอกันทุกคน
เมื่อถามว่า พรรคที่มาทาบทามนั้นมีพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยหรือไม่ น.ส.รังสิมา ยอมรับว่ามี เพราะ นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นแนวร่วม กปปส. มาด้วยกัน โดนคดีมาด้วยกัน นอกจากนี้ที่ทาบทามยังมีพรรคอื่นๆ เช่น ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย และเกือบทุกพรรค ดังนั้น ถ้าโพลออกมาอยู่พรรคไหนแล้วชนะ ก็จะไปพรรคนั้นเลย
เมื่อถามว่า มีพรรคร่วมฝ่ายค้านติดต่อมาบ้างหรือไม่ น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ยอมรับว่ามีมาทาบทาม ที่เคยมีปัญหากันมาก็ให้อภัยไม่โกรธกัน แต่เราก็ต้องมีจุดยืน ยกตัวอย่างเช่น พรรคเพื่อไทย เราเคยไปไล่เขา ถ้าต้องไปอยู่กับเขาเราก็ลำบากใจ และคงเดินในตลาดไม่ได้ คงถูกแม่ค้าเอน้ำสาดไล่ออกจากตลาดแทบไม่ทัน เพราะเป็นขั้วการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกันมานาน ต้องดูเหตุดูผล แต่การทำหน้าที่ก็เต็มความสามารถ แต่ถ้าประชาชนไม่เอาเราก็ต้องตามใจประชาชน
ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กทม. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ยันต์เจริญ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ พงษ์พานิช ผู้บริหารศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กลุ่มบริหารพื้นที่ภาคเหนือ น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทย ขอต้อนรับทนายบิลลี่ ด้วยความขอบคุณยิ่ง และในฐานะพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยถือว่าได้รับโอกาสจากนายจิรวัฒน์ ที่ได้ตัดสินใจเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคและเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรามีเป้าหมายสำคัญคือ ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์การทำงาน เข้าใจการทำงานของพื้นที่เป็นอย่างดี
โดยส่วนตัวได้มีโอกาสร่วมงานกับทนายบิลลี่ ในฐานะ ส.ส. ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นกรรมาธิการร่วมกันในหลายคณะ โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายที่สำคัญสุด คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งทนายบิลลี่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่ง บทบาทในสภามีความโดดเด่น ไฟแรง จะเข้าถึงหัวใจของพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี พรรคเพื่อไทยมีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลไกหลักของพรรค เพื่อไปสู่เป้าหมาย เพื่อไทยแลนด์สไลด์ ได้แก่ 1.ผู้สมัคร ส.ส.เขตครบทั้งหมด 400 เขต 2.นโยบายพรรคเพื่อไทย ที่จะตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ โดยนโยบายที่จะไปนำเสนอต่อประชาชนในพื้นที่ กทม. จะมีความแตกต่างจากพื้นที่อื่น ซึ่งผู้นำเสนอนโยบายต้องมีความเข้มแข็งในด้านพื้นที่ เข้าถึงเครือข่ายสมาชิกและพี่นองประชาชน รวมทั้งต้องมีกระแสความนิยมที่ตอบรับกับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าทนายบิลลี่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้ เพื่อนำพาพี่น้องประชาชนชาว กทม.และทั่วประเทศออกจากวิกฤต นำพาประชาชนไปสู่ความหวัง และอนาคตที่ดีต่อไป และ 3.แคนดิเดตนายกฯ ที่จะนำพาโอกาสในการบริหารจัดการและนำพาเราไปสู่เป้าหมายข้างต้นได้
การเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของทนายบิลลี่ในครั้งนี้ เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้น ส่วนจะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เป็นผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยหรือไม่ จะเป็นไปตามกระบวนการสรรหาของพรรค ทั้งในส่วนของพื้นที่ กทม. และเข้าสู่กระบวนการสรรหาตามกฎหมายต่อไป นพ.ชลน่าน กล่าว
สำหรับนายจิรวัฒน์ ปัจจุบันเป็นทนายความอายุ 32 ปี อดีตส.ส.กทม.เขต 27 อดีตประธานคณะอนุกรรมการธิการคุ้มครองผู้บริโภค อดีตประธานสภาเยาวชน เขตตลิ่งชัน เป็นทนายความซึ่งทำหน้าที่ในพื้นที่ และนำปัญหาเข้าสู่สภาอย่างสม่ำเสมอ
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพรรคเพื่อไทย ไม่คาดฝันว่านับตั้งแต่ก้าวเข้ามาก้าวแรกจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ก่อนอื่นตนขอขอบคุณพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ที่เคยร่วมเดินทางและร่วมประสบการณ์บริหารงานการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานในสภาที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และด้านอื่นๆ ขอขอบคุณจากใจจริงในทุกช่วงเวลาที่ทำให้ตนมีบทบาท
นายจิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าพรรคเพื่อไทยในวันก่อน กับวันนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ตนเฝ้ามองในฐานะคนภายนอกพบว่าพรรคเพื่อไทยมีการปรับเปลี่ยนให้ทันกับยุคสมัย มีการรีแบรนดิ้งให้มีความทันสมัย เข้าใจคนรุ่นใหม่ ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พรรคการเมืองต้องปรับเปลี่ยนเร็ว
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงเดือนธ.ค.นี้ จะมีการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แม้จะไม่มีการลงมติ แต่ฝ่ายค้านจะทำงานขับเคลื่อนเต็มที่ หลังการอภิปรายจะทำสำนวนร้องไปคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ให้กลไกของกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระทำงาน ในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ตนจะเข้าชี้แจงต่อป.ป.ช. กรณีเขียนคำร้องฟ้องไปยังรัฐมนตรีหลายคน ในขณะเดียวกัน DSI ได้แจ้งเป็นเอกสารมาหลังจากกมธ.ได้ส่งสำนวนหลักฐานเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงทบวงกรม และ DSI ได้บรรจุไว้เพื่อพิจารณาแล้ว
ขอฝากไปถึงรัฐบาลว่า อย่าเห็นว่าช่วง 4 เดือนสุดท้ายเป็นช่วงโปรโมชั่น แต่เป็นช่วงหมดโปร เพราะหลังจากอภิปรายมาตรา 152 แล้ว ฝ่ายค้านจะนำเรื่องเพื่อเขียนสำนวนให้รัดกุมผ่านทางกมธ.ร้องไปยังหน่วยงานองค์กรอิสระเพื่อเอาผิดกับข้าราชการระดับสูงและรัฐมนตรีที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบาย นายจิรายุ กล่าว
วันเดียวกัน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า อภัยทานกับลมปากนักการเมือง สืบเนื่องจากบทความที่ผมโพสต์ facebook อธิบายเหตุผลว่าทำไมผมจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 นั้น ผมได้พูดถึงว่าการให้อภัยทานจะได้บุญมากกว่าการให้ทานใดๆ ทำให้มีแฟนคลับ ที่มีเจตนาดีได้เขียนมาแนะนำว่า ผมน่าจะพูดผิด เพราะพระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า ธรรมทาน ต่างหากที่จะได้บุญมากกว่าการทำทานใดๆ
ส่วนตัวของผมก็ได้เคยยืนยันไปแล้วว่าแม้จะยังอยู่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จะไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ อีกแล้ว เพราะผมรู้ตัวดีว่ามีอายุมากแล้ว #ควรจะรู้จักพอ เคยเป็นอะไรๆมามากมายแล้วปล่อยและเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่เขาได้หัดทำงานรับใช้ชาติกันบ้าง ถ้าคนรุ่นเก่ามีแต่กิเลสครอบงำ อยากเป็นแล้วอยากเป็นอีก ซ้ำๆ ซากๆ ก็เท่ากับไม่เปิดโอกาสให้มีการสร้างผู้บริหารชาติรุ่นใหม่ๆเข้ามาดูแลบ้านดูแลเมืองซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องถูกต้องและน่าจะเป็นเรื่องน่ารังเกียจเสียด้วยซ้ำไป
แม้ผมจะออกมาช่วยเหลือพรรคใหม่ๆ ใดๆ ก็จะเป็นเพียงคอยให้คำปรึกษาชี้แนะแนวทางที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่จะไม่ขอแลกกับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ที่ต้องกินเงินเดือนอันเป็นเงินจากภาษีอากรของประชาชนอีกต่อไป
แม้แต่ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เป็นคนที่ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใดๆ เมื่อสมัยที่ขอให้ผมเป็นคนเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งล่าสุดนั้น ได้ยืนยันกับผมและกับที่ประชุมใหญ่สาม