เผยแพร่:
ปรับปรุง:
บุตรสาวผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ระบุบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คือผู้ที่เสียสละอย่างยิ่งใหญ่ในเวลานี้ ชี้ยอมเสี่ยงเป็นด่านหน้าดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ใกล้ชิด ทั้งที่มีลูกมีครอบครัว มีคนข้างหลัง ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้พ่อ แต่อย่าลืมสนับสนุนให้คุณหมออีกทาง
วันนี้ (30 ม.ค.) กรณีที่นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเกิดอาการปอดอักเสบตามมา เฟซบุ๊กของบุตรสาวโพสต์ข้อความระบุว่า “ผู้ที่ทุกคนต้องไม่ลืมให้กำลังใจก็คือ “หมอ” แพทย์ พยาบาล เภสัชกร บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน คือผู้ที่เสียสละอย่างยิ่งใหญ่ในเวลานี้
ที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะหมอ ถ้าพ่อหายป่วย ไม่ใช่เพราะพ่อเป็นผู้วิเศษอะไร แต่เพราะหมอรักษา หรือถ้าสุดท้ายแล้ว เราไม่สามารถรั้งพ่อไว้ได้ ก็ขออย่าโทษหมอพยาบาล
ขอให้เข้าใจว่าทุกท่าน ได้พยายามรักษาคนไข้ อย่างสุดความสามารถแล้ว
พ่อเป็นเพียงผู้ป่วยหนึ่งคน ในจำนวนอีกหลายพันคนทั่วประเทศที่หมอต้องดูแล ความเหน็ดเหนื่อยของหมอเวลารักษาพ่อ ได้รับรู้มากับตัวเองว่าหมอต้องรักษาคนไข้อื่น อย่างเหน็ดเหนื่อยแบบนี้อีกหลายเคส เพียงแต่ไม่ได้มาแถลงอาการให้ทราบ
บุคลากรทางการแพทย์ ยอมเสี่ยงมาเป็นด่านหน้าให้เรา พยาบาลหลายท่านรับหน้าที่เข้าไปดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างใกล้ชิด ทั้งที่เขาเองก็มีลูก มีพ่อแม่ ครอบครัว ที่เขารัก และคอยเป็นห่วงอยู่เบื้องหลัง
ทั้งที่เขาเองก็อาจจะเครียด เหนื่อย นอนน้อย กดดัน หรือกลัวโรคนี้ไม่ต่างจากเราเลย
ที่ผ่านมา พ่อเคยบอกกับลูกว่า “หมอว่าไง พ่อก็ว่าตามหมอ” พ่อรักษาคนเองไม่เป็น พ่อจึงสนับสนุนการทำงานของหมออย่างเต็มที่
เพราะหมอคือกำลังหลักและกำลังเดียวที่เรามีในตอนนี้ พ่อพยายามตั้ง รพ.สนาม ให้สำเร็จก็จริงอยู่ แต่ถ้าไม่มีแพทย์พยาบาล รพ.สนาม นี้จะเปิดรักษาคนได้อย่างไร
“ฮีโร่” ของสมุทรสาคร และของทั้งโลกในสถานการณ์โควิด 19 นี้ ก็คือ “บุคลากรทางการแพทย์”
ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้พ่อ ซึ่งมีคุณค่าต่อจิตใจเราอย่างมากที่สุด แต่ขออย่าลืมส่งกำลังใจ และกำลังสนับสนุนอื่นๆ ให้คุณหมออีกทางด้วยนะคะ”
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
อนึ่ง สำหรับอาการของนายวีระศักดิ์นั้น เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า อาการโดยภาพรวมดีขึ้น แต่ยังคงให้ยาแก้อักเสบ และยาลดการสร้างพังผืดอันเนื่องมาจากเนื้อปอดถูกทำลาย ซึ่งต้องให้ยาดังกล่าวประมาณ 1 เดือน โดยเตรียมที่จะย้ายผู้ป่วยออกจากห้องความดันลบ ไปยังห้องผู้ป่วยวิกฤตบำบัดทางเดินหายใจ หรืออาร์ซียู ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ และให้สมาชิกในครอบครัวเข้าเยี่ยมได้ เพื่อลดความกังวล แต่ยังไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยม เพราะเกรงว่าจะเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำอีก